หลังจากที่ทาง Nissan ในประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัววางจำหน่าย Nissan Serena รถมินิแวนที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว โดยเวอร์ชั่นในญี่ปุ่นจะมีทั้งรุ่นที่ใช้น้ำมันเบนซิน และรุ่น e-POWER
ล่าสุดก็มีความเป็นไปได้ว่าทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กำลังมีแผนที่เปิดตัว Serena e-POWER ในตลาดเมืองไทยอีกครั้งในช่วงกลางปี 2567 นี้ หลังจากที่เคยถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 1993 หรือปี 2536 ที่ผ่านมาก่อนที่จะถูกยกเลิกการจำหน่ายไปภายหลัง
สำหรับ Nissan Serena เวอร์ชั่นที่คาดว่าจะนำเข้ามาจัดจำหน่ายในบ้านเรานั่น จะเป็นเทคโนโลยี e-POWER ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน โดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก โดยตัวรถคาดว่าจะนำผลิต และเข้ามาจากโรงงานที่ประเทศมาเลเซีย อาศัยสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบ AFTA ซึ่งอาจจะสามารถทำราคาได้แบบเข้าถึงง่าย โดยคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาาณ 1 ล้านต้น ๆ
โดย Nissan Serena e-POWER (นิสสัน เซเรนา อี-พาวเวอร์) จะเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์แบบ MPV ทรงกล่อง เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่ถูกออกแบบมาสำหรับครอบครัว ที่ต้องการอรรถประโยชน์ ด้านพื้นที่ใช้สอยมากเป็นพิเศษ และปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ภายในเน้นความกว้างขวาง พร้อมขึ้น-ลงสะดวกด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้า
สำหรับในรุ่นปัจจุบันของ Serena เดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 6 แล้วนับตั้งแต่เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1991
ในด้านงานออกแบบยังคงโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง V-motion อันเป็นเอกลักษณ์ของทาง**นิสสัน** ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED ที่เป็นชุดไฟส่องสว่างเรียงเป็นแถว 3 ด้วย โดยมีไฟ DRL ที่เป็นเส้นวางอยู่ด้านบนสุด ขณะที่ในส่วนกันชนหน้ามาพร้อมกับช่องรับอากาศขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้รับกับตัวกระจังหน้าอย่างสวยงาม มาพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมที่ฝังไว้ที่ด้านข้าง
ในขณะตัวรถยังคงรักษารูปทรงกล่องตามแบบฉบับของรถมินิแวน ส่วนเส้นสายด้านข้างนั้นดูเรียบหรูมาพร้อมล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว ประตูด้านข้างเป็นบานสไลด์ 2 ด้านเลื่อนเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน hand-free
ด้านท้ายเป็นแนวตั้งตรงพร้อมติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ มาพร้อมไฟท้าย LED ที่ออกแบบให้เป็นเส้นแนวตั้ง แบบ Black-out เชื่อมต่อชุดไฟท้ายทั้ง 2 ฝั่งด้วยแถบโครเมียมมาพร้อมชื่อรุ่น SERENA ที่อยู่ด้านบนและโลโก้ของทาง Nissan นอกจากนั้นในส่วนของขอบฝากระโปรงยังถูกออกแบบให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้ง่ายต่อการโหลดสัมภาระ
ด้านมิติตัวถังมีการปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาว 4,765 มม. ความกว้าง 1,715 มม. ความสูง 1,870 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,870 มม. มาพร้อมความสูงใต้ท้องรถ 165 มม.
ด้านภายในห้องโดยสาร จะมากับเบาะที่นั่งแบบ 3 แถว รองรับได้ 7-8 ที่นั่ง พื้นห้องโดยสารแบบ Flat Floor เรียบเสมอกันตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง นอกจากนั้นในเจนฯ ใหม่นี้ ยังได้ถูกปรับความกว้างภายในให้มากขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมา โดยมีพื้นที่วางขาฝั่งคนขับเพิ่มขึ้น 120 มม. (4.7 นิ้ว) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
โดยความแตกต่างกันระหว่างรุ่น 7 และ 8 ที่นั่ง คือ รุ่น 7 ที่นั่ง จะมีคอนโซลกลางตายตัวบริเวณเบาะคู่หน้า เบาะแถว 2 เป็นเบาะแยก Captain Seat 2 ที่นั่ง แต่รุ่น 8 ที่นั่ง ได้เบาะแถว 2 แบบ Bench Seat 3 ที่นั่ง ซึ่งตรงกลางที่เป็นเบาะนั่งเล็ก ๆ ออกแบบให้เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังให้ไปอยู่ระหว่างเบาะคู่หน้าหรือเบาะแถว 2 รวมถึงพับพนักพิงเป็นที่วางแขนได้ และทั้งสองแบบสามารถเลื่อนเบาะแถว 2 เดินหน้า-ถอยหลังได้สูงสุด 640 มม.
ส่วนเบาะแถว 3 ก็สามารถเลื่อนและปรับเอนได้เช่นกัน แยกพับแบบตลบขึ้นด้านข้าง พร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูสไลด์ อีกทั้งเบาะที่นั่งแต่ละที่ตัวจะมีช่องใส่สมาร์ท